สัญญาณเตือนโรคเหงือก
1. เลือดออกตอนแปรงฟัน
2. เหงือกบวมแดง
3. มีกลิ่นปาก
4. ปวดฟัน ปวดเหงือก
5. เหงือกร่น
6. มีหนองที่เหงือก
7. ฟันโยก ฟันหลุด
ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับขูดหินปูน
ขูดหินปูนแล้วทำให้ฟันห่าง ทำให้ฟันบางลง!
อย่าเข้าใจผิด การขูดหินปูนไม่ได้ทำให้ฟันห่าง หรือบางลงแต่อย่างใด ความจริงแล้วการปล่อยให้มีหินปูนสะสมอยู่นานๆนั่นต่างหากที่เป็นสาเหตุทำให้รู้สึกว่าฟันห่างหรือบางลง
1.หินปูนที่สะสมอยู่ตามซอกเหงือก ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและเมื่อปล่อยทิ้งไว้นานไม่รีบรักษาก็จะเกิดการร่นของเหงือก พอเราขูดหินปูนออกไป จึงเห็นว่าฟันห่างขึ้น ซึ่งช่องว่างที่เห็นนั้น เกิดจากเหงือกร่นหายไปนั่นเอง
2.การขูดหินปูนไม่ได้ทำให้ฟันบาง แต่ที่เรารู้สึกว่าฟันบางลง เพราะเมื่อขูดหินปูนที่พอกตัวหนาออกไป เหลือเป็นฟันปกติ จะกลายเป็นรู้สึกแปลกไป เพราะที่ผ่านมาเคยชินกับสภาพหินปูนที่พอกตัวหนาเกาะอยู่กับตัวฟันมาตลอดนั่นเอง ความจริงแล้ว การทํางานของเครื่องขูดหินปูนนั้นอาศัยการสั่นสะเทือนของปลายเครื่องมือที่มีความเร็วสูง ทำให้หินปูนหลุดออกมา ตัวเครื่องมือไม่ได้มีความคมที่จะขัดเนื้อฟันให้หายหรือหลุดไปได้เลย
หินปูน (หินน้ำลาย) คือคราบแข็งที่เกาะติดอยู่ตามตัวฟัน มีสีเหลือง นํ้าตาล หรือดํา อยู่บริเวณเหนือเหงือกหรือใต้ขอบเหงือก
หินปูน เกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) หรือคราบอาหารที่แปรงออกไม่หมด เป็นคราบนิ่มๆสีขาวขุ่น พอเวลาผ่านไป หากเราไม่สามารถทำความสะอาดฟันและเหงือกได้อย่างทั่วถึงทุกซอกมุม ก็จะเกิดการตกตะกอนของแร่ธาตุจากน้ําลาย(โดยเฉพาะแคลเซียม) สะสมมากขึ้นๆ ก่อตัวจนแข็งกลายเป็นหินปูน ไม่สามาถขจัดออกได้ด้วยการแปรงฟันตามปกติอีกต่อไป
หินปูนเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคที่ทำร้ายเหงือกและอวัยวะรอบๆฟันของเรา จะพบหินปูนได้มากบริเวณด้านหลังของฟันหน้าล่าง และบริเวณซอกฟันที่ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
อาการในระยะเริ่มแรกจะเกิด เหงือกอักเสบ บวมแดง เลือดออกตามไรฟัน มีกลิ่นปาก เมื่อหินปูนสะสมมากขึ้น ผิวฟันก็จะขรุขระมากขึ้น หินปูนใหม่ก็จะยิ่งมาสะสมได้มากขึ้น เชื้อโรคจำนวนมากก็จะปล่อยสารพิษไปทำลายเหงือก ทำลายเอ็นยึดรอบๆเหงือก เกิดเป็นร่องลึกปริทันต์ ก็ยิ่งทำให้ทำความสะอาดยากขึ้น จนในที่สุดเชื้อโรคจะลุกลามลึกลงไป ทำลายกระดูกเบ้าฟัน ทำให้กระดูกเบ้าฟันเละลายตัว จะสังเกตุได้จากมีภาวะเหงือกร่น และฟันโยก เมื่อกระดูกเบ้าฟันละลายตัวไปมากๆ ฟันก็จะหลุดไปในที่สุด
โรคเหงือกป้องกันได้!
วิธีป้องกันโรคเหงือกอักเสบที่ดีที่สุดและสามารถทำได้ด้วยตัวเองก็คือ
1.แปรงฟันอย่างถูกวิธี วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
2.ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน
3.ขูดหินปูนกับทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน
4.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์ง่ายและรุนแรงกว่าคนทั่วไป
5.ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพราะการมีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน หรือความเครียด ก็ส่งผลต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบได้
การรักษาโรคเหงือก หรือโรคปริทันต์ (โรครำมะนาด)
หากความรุนแรงของโรคลุกลามจนเกินระดับจะขูดหินปูนรักษาได้ตามปกติแล้ว กรณีนี้จำเป็นจะต้องรับการรักษาที่เรียกว่า “การเกลารากฟัน”
การเกลารากฟัน คือ การขจัดคราบหินปูนในร่องเหงือกส่วนที่อยู่ลึกๆ (ร่องปริทันต์) เพื่อกำจัดเชื้อโรค และเกลาผิวรากฟันให้เรียบ ซึ่งจะส่งผลให้เหงือกหายอักเสบ และหินปูนใหม่มาเกาะตัวได้ยากขึ้น
การเกลารากฟัน สามารถทำให้เหงือกหายจากการอักเสบ เลือดออก และหายบวมแดงได้ แต่เหงือกที่ร่นและกระดูกเบ้าฟันที่ถูกทำลายลดระดับลงไปแล้ว จะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อีก การรักษาโรคเหงือกในระยะนี้ เป็นเพียงการคงสภาพเหงือกและอวัยวะรอบๆตัวฟันไว้ไม่ให้ถูกทำลายมากไปกว่าเดิม เพื่อไม่ให้ต้องสุญเสียฟันไป หรือชะลอให้ฟันอยู่กับเราได้นานที่สุด
การขูดหินปูน สามารถรักษาได้เสร็จภายในครั้งเดียว
แต่การเกลารากฟัน รักษาโรคเหงือก จะแบ่งการรักษาออกเป็น 4 บริเวณ คือ บนขวา บนซ้าย ล่างขวา ล่างซ้าย ต้องมาพบคุณหมอ 2-4 ครั้ง
ข้อปฏิบัติตัวหลังการขูดหินปูนและรักษาโรคเหงือก
สาเหตุภายในช่องปาก
1.ฟันผุ
– ป้องกันได้โดยแปรงฟันอย่างถูกวิธีให้สะอากทั่วถึงทุกซอกมุม ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน และพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันทุกๆ 6 เดือน
– แก้ไขได้โดยการอุดฟัน แต่หากฟันผุลึกถึงชั้นโพรงประสาทฟัน รักษาโดยการรักษารากฟัน หรือถอนฟัน
2.เหงือกอักเสบ เป็นโรคปริทันต์
– ป้องกันได้โดยแปรงฟันอย่างถูกวิธีให้สะอากทั่วถึงทุกซอกมุม แปรงลิ้นด้วย ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน และขูดหินปูนทุก6เดือน
– แก้ไขได้โดยการเกลารากฟัน รักษาโรคเหงือก
สาเหตุภายนอกช่องปาก
เปิดให้บริการทุกวัน 9.00-20.00 น.
ปรึกษาทางออนไลน์ได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย
Copyright © 2009 AG Dental Plus Clinic – All Rights Reserved.
ข้อจำกัดความรับผิด: ผลลัพธ์การรักษาขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล